เมนู

ทั้งปวง คือ กระทำให้ออกไปนอกสันดานด้วยน้ำสำหรับสำรอก กล่าวคือพระ-
อริยมรรค หรือเพราะเหตุ คือ การกระทำให้มีในภายนอก.
บทว่า ปตฺโต เม อาสวกฺขโย ความว่า ชื่อว่า อาสวักขัย
เพราะเป็นที่สิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย มีกามาสวะเป็นต้น หรือเพราะพึงบรรลุ
ด้วยการสิ้นไปแห่งอาสวะเหล่านั้น ได้แก่ พระนิพพาน และพระอรหัตผล.
พระเถระนั้น พยากรณ์พระอรหัตผลด้วยสามารถแห่งอุทานว่า เราบรรลุ คือ
ถึงความสิ้นอาสวะแล้ว ดังนี้.
จบอรรถกถาปาราปริยเถรคา

7. ยสเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระยสเถระ


[254] ได้ยินว่า พระยสเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
เราเป็นผู้ลูบไล้ดีแล้ว มีเครื่องนุ่งห่มอันงดงาม
ประดับด้วยสรรพาภรณ์ ได้บรรลุวิชชา 3 บำเพ็ญกิจ
พระพุทธศาสนาเสร็จแล้ว
ดังนี้.

อรรถกถายสเถรคาถา


คาถาของท่านพระยสเถระ เริ่มต้นว่า สุวิลิตฺโต สุวสโน. เรื่องราว
ของท่านเป็นอย่างไร ?
แม้พระเถระนี้ ก็เป็นผู้มีอธิการอันกระทำแล้วในพระพุทธเจ้าองค์-
ก่อน ๆ เข้าไปสั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้ในภพนั้น ๆ (เกิด)
เป็นพระยานาคผู้มีอานุภาพมาก ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระนามว่า
สุเมธะ นำภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข มาสู่ภพของตน แล้วยัง
มหาทานให้เป็นไป ถวายให้พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงครองไตรจีวรมีค่ามาก
และให้ภิกษุแต่ละรูปนุ่งห่มผ้าที่มีค่ามากเหมือนกันรูปละคู่ (พร้อมด้วย)
สมณบริขารทุกอย่าง. ด้วยบุญกรรมนั้น เขาท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์
ทั้งหลาย (เกิด) เป็นบุตรเศรษฐี ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า
สิทธัตถะ บูชาบริเวณต้นมหาโพธิด้วยรัตนะ 7. ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้า
พระนามว่า กัสสปะ เขาได้บวชในพระศาสนา แล้วบำเพ็ญสมณธรรม. เขา-
ท่องเที่ยวไปแต่ในสุคติภพอย่างเดียว ด้วยอาการอย่างนี้ แล้วเกิดเป็นบุตร
เศรษฐี มีสมบัติมาก ในกรุงพาราณสี ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้าของเรา
ทั้งหลายนี้ โดยนามมีชื่อว่า ยสะ เป็นสุขุมาลชาติ (ละเอียดอ่อน) อย่างยิ่ง.
เรื่องทั้งหมดเป็นต้นว่า ยสกุลบุตรมีปราสาท 3 หลัง พึงทราบโดยนัยอันมาแล้ว
ในขันธกะ.
ยสกุลบุตร อันบุรพเหตุตักเตือนอยู่ เห็นประการอันแปลกของ
บริวารชน ผู้อันความหลับครอบงำแล้ว ในเวลากลางคืน เกิดความสลดใจ
สวมรองเท้าทอง หลบออกจากเรือน ออกไปทางประตูเมือง ที่เทวดาเปิดให้